1. Explain the differences and similarities of First Language Acquisition and Second Language Acquisition? Employ the linguistic hypothesis initiated by Noam Chomsky and Stephen D. Krashen
Noam Chomsky เชื่อว่าคือมนุษย์มีภาษาที่ละเอียดซับซ้อนต่างจากสัตว์ การเรียนรู้ภาษาสามารถแบ่งออกเป็นความรู้ทางเสียง ทางไวยากรณ์ และความหมาย ซึ่งจะมีในมนุษย์เท่านั้น
Stephen D. Krashen เชื่อว่าการเรียนรู้ของภาษาที่สองนั้นเกิดขึ้นได้หลายทาง
1. การเรียนรู้แบบซึมซับ คือไม่ได้ตั้งใจเรียนแต่ได้ยิน ได้เห็น ได้รับรู้บ่อยๆ จึงทำให้เกิดการเรียนรู้ขึ้น ภายในสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย
2. การเรียนรู้แบบต้องใส่ใจเรียนรู้ คือ มีการสอนอย่างเป็นจริงเป็นจัง ต้องเข้าชั้นเรียน เรียนในคาบ เป็นความรู้เชิงวิชาการ มีหลักสูตร
L1 ต่างจาก L2 คือ L1 จะเป็นภาษาในถิ่น ในท้องที่ ในสภาพแวดล้อมที่ทุกคนอยู่และเรียนรู้มาตั้งแต่เกิด โดยจะมี competence and performance ในตัวภาษาอยู่อย่างสมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ แต่ที่ต้องเรียนเป็นเพราะต้องปรับโครงสร้างทางภาษาให้สมบูรณ์ถูกต้อง เช่น ในเรื่องของการอ่าน การเขียน ส่วนการพูดทุกคนแสดงออกมาได้ดีอยู่แล้วและจะมีการพัฒนาไปเรื่อยๆเมื่อได้รีบการเรียนรู้เพิ่มขึ้น L2 เป็นภาษาที่เพิ่งจะมาเรียนรู้ในภายหลังทำให้ ship ทางภาษาสูญเสียไปบ้างและ competence ที่มีอยู่ในตัวก็ลดลงด้วยเป็นผลให้ performance ที่แสดงออกมาจึงได้ไม่ดีเท่าที่ควรจึงขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ยิ่งถ้ามาเรียนรู้ภาษาที่สองตอนที่อายุเกิน 2 ขวบไปแล้วจะทำให้ความสามารถทางภาษาลดลงด้วย
L1 เหมือน L2 คือ ภาษามีความเป็นสากลสามารถเรียนรู้ได้ ถ้าอยากให้ใช้ภาษาได้ดีต้องได้รับการฝึกฝนอยู่เสมอๆ โดยถ้าเรียนรู้โดยการซึมซับจะทำให้เรียนรู้ได้ดีกว่าการเรียนในห้องเรียนที่เคร่งเครียด
2. Explain and present the relationship of the following terms
a. Critical Age Hypothesis หมายถึง สมมติฐานเรื่องอายุมีผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ภาษา โดยถ้าอายุเกิน 2 ขวบไปแล้ว ship ภาษาที่มีอยู่ในตัวมนุษย์จะลดลง ทำให้ความสามารถทางภาษาลดลง เช่น การออกเสียงจะเป็นปัญหามาก แต่ถ้าจับเด็ก 5 ขวบ มาเรียนภาษากับเด็กอายุ 18 ปี พร้อมกันไม่ได้หมายความว่าเด็กจะเก่งกว่าผู้ใหญ่ แต่หมายความว่าเมื่อเรียนไปนานเด็ก 5 ขวบ จะสามารถออกเสียงได้ดีกว่าเด็กที่เรียนตอนอายุ 18 ปี คือจะส่งผลระยะยาว เพราะการเรียนรู้ภาษาของมนุษย์จะอ่อนกำลังลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น
b. Innateness theory หมายถึง ทฤษฎีที่มีมาแต่กำเนิด
เด็กแต่ละคนจะมีความสามารถในการเรียนภาษาแต่กำเนิด เพราะเป็นสิ่งที่เด็กได้ยินทุกๆวันจนเป็นการเรียนรู้แบบซึมซับ
สภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัวเด็กและการให้กำลังใจ การเสริมแรงก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ทางภาษา และเด็กก็มี ship ทางภาษามาตั้งแต่เกิดมาอยู่แล้วทำให้การเรียนรู้ทางภาษาดีขึ้นทำให้เด็กพูดได้
ช่วงอายุก็มีผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ทางภาษาด้วย
c. Universal Grammar หมายถึง ภาษามีความเป็นสากล มีโครงสร้างทางภาษาทำให้เกิดการเรียนรู้ได้จึงเกิดการเรียนรู้ L2 ขึ้นมา คือนักภาษาศาสตร์เชื่อว่าทุกๆคนมีการดำเนินชีวิตเหมือนๆกัน ถึงแม้จะต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา ต่างถิ่น แต่ก็มีคำที่ใช้สื่อความหมายในทำนองเดียวกันได้ เช่น ในทุกๆที่มีน้ำเพื่อการดำรงชีวิต ในต่างชาติ ต่างภาษาก็จะเรียกคำว่าน้ำต่างกัน แต่หมายถึงสิ่งเดียวกัน เช่น ภาษาไทย กิน ภาษาอังกฤษ eat ภาษาจีน เจี๊ยะ ก็มีถึงกริยาอาการเดียวกัน
d. Parameter Setting หมายถึง การปรับลักษณะเฉพาะทางภาษา คือทุกภาษามีโครงสร้างการเรียงไวยากรณ์ไม่เหมือนกันเมื่อเด็กได้มีการเรียนรู้แล้วจะมีการพัฒนาภาษาขึ้นเรื่อยๆ เด็กจะพูดคำที่เป็น content word ได้ก่อน function word แต่จะมีการพัฒนา grammar มาเรื่อยๆเมื่อได้รับการเรียนรู้ เช่น เด็กจะกล่าวถึงอดีต เด็กพูดว่า I goed. แปลว่ามีการเรียนรู้มาบ้างแล้วว่าถ้าอดีตต้องเติม ed แต่ถ้าได้เรียนรู้เพิ่มอีกก็จะรู้ว่า go went gone เด็กจะพูดได้ถูกต้อง
3. Revisit the following hypothesis
a. Acquired System and Learned System? How are they manifested in SLA?
ระบบการเรียนรู้แบบซึมซับกับระบบการเรียนรู้แบบใส่ใจ คือระบบการเรียนรู้แบบซึมซับจะช่วยในการเรียนรู้ได้ดีกว่าการเรียนรู้แบบใส่ใจ เพราะเป็นการเรียนรู้โดยไม่ได้ตั้งใจเนื่องจากอยู่ในสภาพแวดล้อมทางภาษามากขึ้นและบรรยากาศก็เอื้อต่อการเรียนรู้ มีลักษณะเป็นการสนทนาเป็นสำคัญไม่ได้เน้นเรื่องไวยากรณ์
การเรียนรู้แบบใส่ใจ เป็นการเรียนรู้จากห้องเรียน มีการสอนแบบจริงจัง เน้นกฎเกณฑ์เป็นหลักทำให้เกิดความเครียดผลที่ตามมาก็คือไม่อยากเรียนรู้ แต่ระบบนี้ก็มีความสำคัญอยู่มากไม่ควรตัดออก
b. Monitor Hypothesis? Why do we need this hypothesis? Does the First language acquisition require this qualification?
สมมติฐานเรื่องการตรวจสอบ เราต้องการการตรวจสอบเพื่อวัดความสามารถทางการใช้ภาษาว่าถูกต้องหรือไม่ เพื่อแก้ไขการที่ผู้เรียนใช้ภาษาผิดหลุดกรอบมากเกินไปเกินว่าที่การสื่อสารแบบธรรมดายังยากที่จะเข้าใจ แบ่งการตรวจสอบเป็น 3 พวก
1. ตรวจสอบแบบตลอดเวลา เป็นพวกเก็บตัว
2. ตรวจสอบอย่างเหมาะสม มีบุคลิกภาพโดดเด่น
3. ไม่ใช้การตรวจสอบ เป็นพวกที่พูดโดยไม่คิด ชอบที่จะพูด
ภาษาที่หนึ่งไม่ต้องการการตรวจสอบมากนักเพราะส่วนใหญ่ทุกคนมีความสามารถทางด้านนี้ดีอยู่แล้ว ยกเว้นคนที่มีปัญหาเรื่องการรับรู้ทำให้ต้องมีการวัดความสามารถอยู่เสมอ เพราะการตรวจสอบทางภาษากับบุคคลเหล่านี้จะทำให้ความสามารถทางภาษาเพิ่มขึ้น แต่ไม่ควรจับผิดมากเกินไปทั้งในคนปกติและคนที่มีปัญหา จะทำให้บุคคลนั้นอายเมื่อพูดผิดเมื่อบอกให้พูดใหม่บ่อยๆมากขึ้นจะทำให้ไม่กล้าพูดคำนั้นอีกเลย การตรวจสอบทางภาษาจีงค่อยเป็นค่อยไป
c. Affective Filter Hypothesis? What do you think about this?
สมมติฐานเรื่องตัวเอื้อต่อการเรียนรู้/ตัวปิดกั้นการเรียนรู้
ตัวเอื้อต่อการเรียนรู้จะมีผลให้การเรียนรู้ภาษาที่สองเป็นไปได้ดี คือถ้าผู้เรียนมีกำลังใจ มีความมั่นใจ มีอารมณ์ขัน มีรางวัลที่น่าสนใจรออยู่ข้างหน้า ก็จะทำให้การเรียนรู้ภาษาที่สองมีพัฒนาการดีขึ้นด้วย
ตัวปิดกั้นการเรียนรู้จะมีผลให้การเรียนรู้ภาษาที่สองเป็นไปได้แบบไม่ดี คือผู้เรียนมีไม่มีความมั่นใจ อารมณ์ร้อน หุนหันพลันแล่น วู่วาม ขี้โมโห ไม่มีสิ่งจูงใจที่ดีก็จะทำให้การเรียนรู้ภาษาที่สองมีพัฒนาการล่าช้า
4. Discuss he period of language acquisition (This should include the perception and production period.) Case study or tangible examples are highly appreciated.
ช่วงระยะอายุในการพัฒนาภาษา
1. เด็กแรกเกิด 0-4 เดือน จะไม่สามารพใช้ภาษาทางการพูดได้ แต่เด็กจะมีวิธีการสื่อความหมายให้พ่อแม่หรือบุคคลอื่นๆ ทราบความต้องการด้วย “การร้องไห้” เด็กอายุ 10-16 สัปดาห์ จะมีการเรียนรู้เกี่ยวกับการพูดและการมองเห็น ซึ่งเป็นพัฒนาการอีกขั้นหนึ่งในการสื่อภาษา
2. เด็กอายุ5-14เดือน จะเริ่มมีการใช้เสียงก่อนพูด ใช้ท่าทางประกอบการพูด เช่น ชี้มือ เริ่มหัดออกเสียงโดยการเลียนแบบเสียงที่ได้ยิน
3. ในช่วงอายุ 14-20 เดือน เด็กสามารถพูดคำเดียวหรือวลีเดียวได้ เพราะเด็กมีพัฒนาการทางการเลียนแบบเสียงต่างๆได้แล้วเด็กก็จะเริ่มพูดเป็นคำ โดยเด็กจะเริ่มพูดคำที่สามารถมองเห็นได้ จับต้องได้ และเห็นเป็นรูปเป็นร่างก่อน
4. เด็กช่วงอายุประมาณ 18-24 เดือน จะเริ่มพูดสองคำ เด็กจะจำคำศัพท์ได้ประมาณ 50 คำ และจะเริ่มนำคำมาประสมกับเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ หรือ เพื่อชี้ให้เห็นถึงการครอบครอง เช่น แม่น้ำ หมายถึง แม่จะกินน้ำ
5. อายุ 24 เดือนขึ้นไปก็จะเริ่มพูดเป็นประโยคได้ โดยการพูดเป็นประโยค เด็กจะเริ่มพูดเป็นประโยคที่ถูกบ้าง ผิดบ้าง เพราะเด็กยังไม่ได้รับการเรียนรู้อย่างจริงจังทำให้การพูดดูตลก น่าหัวเราะและถ้าไม่แก้ไขให้เด็กพูดประโยคที่ถูกต้อง เด็กก็จะพูดจนติดเป็นนิสัย ดังนั้นเด็กควรได้รับการเรียนรู้ที่ถูกต้อง โดยการเข้าศึกษาในโรงเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลหรืออายุประมาณ 4 ขวบ เพื่อเป็นการเพิ่มทักษะทางภาษา และการเรียนรู้ให้กับเด็กในด้านอื่นๆ อีกด้วย
กำไลทิพย์ จูเจียม 47031020162
เอกภาษาอังกฤษ คณะครุศาสตร์
e-mail kpmink@yahoo.com
Saturday, January 13, 2007
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
Blog Archive
-
▼
2007
(44)
-
▼
January
(44)
- หมดเวลาส่งข้อสอบแล้ว
- Midterm paper (นายชริญญา อมรวัฒนาพงษ์)
- Midterm paper ( นายยงยุทธ จิตอารี )
- Midterm paper (นางสาวสุภาพร ชุ่มกลิ่น)
- Midterm Ketsarin khayak
- Midterm Ketsarin khayak
- Midterm Ketsarin khayak
- Midterm Ketsarin khayak
- midterm yang jian lin (กลิกา)
- midterm Wanlika Thanuchon
- midterm Fei Zhao ( วิโรจน์ ) Or ( ภาพภูม )
- midterm Guoying Li (นิรุชา)
- midterm - Woraluk Taya
- midterm Chu Mei (โสมวรรณ)
- midterm paper นาย ยอดรัก วรรณศักดิ์เจริญ
- midterm paper นาย สุทธิพงษ์ เกียรติยศ
- midterm peper ( วิสิทธิศักดิ์ แผ้วผา)
- midterm paper (Araya Nguemnunjai )
- midterm paper (Araya Nguemnunjai )
- midterm peper ( สุนทรี ศิริภูวนันท์)
- midterm paper (Jutamas naakmoon)
- midterm paper (Jutamas naakmoon)
- Midterm paperนายพิสิฐ สิทธิวงศ์
- Midtermนางสาวนิตยา แก้วทองมา
- Midterm paper (Nucharin Siwichai 47031020111)
- Midterm Paper (MissOrasa Poonsawat 47031020139)
- Midterm paper [Sukanya Tawsan]
- Midterm paper [Duangporn Wongyai]
- Midterm paper [Sirinapa Srivichai]
- midterm paper ประทุม บัวแก้ว
- midterm paper วรารัตน์ ระวังการ
- midterm paper น.ส.จิตติพร เชื้อเมืองพาน
- Midterm paper [Onteera Doungtadum]
- midterm paper วราภรณ์ หินเพ็ชร
- midterm paper มินตรา เขียวชะอุ่ม
- Miterm paper น.ส. พิมพ์ใจ จ๊อดดวงจันทร์
- midterm paper (พวงพยอม ถึงสุข)
- Midterm paper ( Patcharee Homdok )
- midterm paper (วัชรีภรณ์ อุปนันไชย)
- Midterm น.ส.ศศิวรรณ เทียนทอง
- Midterm น.ส.นิศาชล แก้วกันทะ
- Midterm นางสาวปราณี กวางนอน
- midterm paper (Kamlaitip Joojiam)
- midterm paper (Som-u-sa Sakdaduang)
-
▼
January
(44)
No comments:
Post a Comment